ข่าวการเงิน - การลงทุน

04 June 2008

กำไรไตรมาสแรกออกมาตกต่ำตามคาด แนวโน้มยังไม่สดใส

กำไรไตรมาสแรกออกมาตกต่ำตามคาด แนวโน้มยังไม่สดใส

กำไรไตรมาสแรกลดลง 67% yoy

บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 ออกมาแย่ตามที่เราคาดไว้ โดยมีกำไรสุทธิ 1,488 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.50 บาท ลดลง 67% yoy หากไม่รวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,210 ล้านบาทและขาดทุนจากการประกันความเสี่ยงโดยการทำสัญญาแลกเปลี่ยนส่วนต่างค่าการกลั่นและวัตถุดิบสุทธิ 309 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรปกติเพียง 587 ล้านบาท หรือ 0.20 บาท/หุ้น ลดลง 85% yoy แย่กว่าที่เราคาดไว้มาก (กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่าที่คาดมาช่วยกำไรสุทธิไว้) ปัจจัยหลักที่กดดันผลกำไรของบริษัทให้ลดลงในไตรมาสนี้มาจากผลขาดทุนในธุรกิจอะโรเมติกส์ตาม product-to-feed-margin (P2F) ที่ลดลงมาก เนื่องจากราคาวัตถุดิบคอนเดนเสทมีราคาสูงมากในไตรมาสที่ผ่านมา แต่ราคาผลิตภัณฑ์ค่อนข้างทรงตัว ในขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นยังสามารถทำกำไรได้ตามปกติและมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันจำนวนหนึ่งด้วย ไตรมาสนี้บริษัทต้องจ่ายภาษีในอัตรา 30% จากการที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ไม่มีกำไร (ปกติธุรกิจปิโตรเคมีได้รับการส่งเสริมการลงทุนแต่ธุรกิจโรงกลั่นไม่ได้รับการส่งเสริมทำให้ต้องเสียภาษีเต็มจำนวน 30%)

แนวโน้มไตรมาส 2 และครึ่งปีหลังยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน

เราคาดว่าผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาส 2 จะดีขึ้นตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและอาจมีผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่สูงขึ้นด้วยตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทำจุดสูงสุดที่ 123 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ยืนสูงกลับส่งผลลบต่อธุรกิจอะโรเมติกส์ เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงทำให้วัตถุดิบคอนเดนเสทมีราคาสูงขึ้นตาม ส่งผลให้ product-to-feed-margin ของธุรกิจอะโรเมติกส์ยังคงแย่อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ spread margin ของผลิตภัณฑ์เบนซินเทียบกับแนฟทา ซึ่งตกต่ำลงมากเหลือเพียง 150 เหรียญ/ตัน จากระดับปกติ 300-400 เหรียญ/ตัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจอะโรเมติกส์ขาดทุน แม้ว่า spread margin ของพาราไซลีนจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 300 เหรียญ/ตัน จากระดับปกติ 400-500 เหรียญ/ตัน แต่ก็ยังมีกำไรได้ เพียงแต่ไม่เพียงพอที่จะชดเชยผลขาดทุนในผลิตภัณฑ์เบนซินได้หมด

แม้ราคาปรับลดลงมา แต่ยังไม่น่าลงทุน แนะนำ ขาย

หลังจากที่เราแนะนำ ขาย ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนจากคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกที่อ่อนตัว ราคาหุ้นได้ปรับลดลงมา 3.4% แต่ยังไม่ใช่ระดับราคาที่ควรกลับเข้าไปลงทุน ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 9.3 เท่าและมีราคาสูงกว่าราคาเป้าหมายของเราที่ 34.50 บาท อ้างอิง PER เป้าหมายที่ 9 เท่า อยู่ 3% จากผลประกอบการไตรมาสแรกคิดเป็นเพียง 13% ของประมาณการผลกำไรสุทธิทั้งปีของเราที่ 11,351 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.83 บาท ลดลง 37% yoy ดังนั้นเราอาจมีแนวโน้มที่จะปรับลดประมาณการผลกำไรและราคาที่เหมาะสมลงอีกหากผลกำไรในไตรมาส 2 โดยเฉพาะธุรกิจอะโรเมติกส์ยังไม่ดีขึ้น จากแนวโน้มผลประกอบการที่ยังจะอ่อนแอต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้เรายังคงคำแนะนำ ขาย สำหรับ PTTAR