ข่าวการเงิน - การลงทุน

01 July 2008

มุมมองหุ้นไทยสไตล์ Richerstock 01-07-08

หุ้นไทยครึ่งปีแรกดิ่ง 9% ต่างชาติขายแล้ว 5 หมื่นล้าน

พิษเงินเฟ้อฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงต่อ 7 จุด เหตุนักลงทุนเทขายลดเสี่ยงล่วงหน้า พบครึ่งปีแรกดัชนีทรุด 8.8% ต่างชาติขายสุทธิกว่า 5 หมื่นล้านบาท
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ภาวะการซื้อขายวันสุดท้ายของครึ่งปีแรก (30 มิ.ย.) ดัชนีหุ้นยังปรับลดลงต่อเนื่อง ปิดที่ 768.59 จุด ลดลง 7.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 1.61 หมื่นล้านบาท และหากเปรียบเทียบตั้งแต่ต้นปี (2 ม.ค. 2551) ดัชนีหุ้นปิดที่ 842.97 จุด เท่ากับดัชนีปรับตัวลดลงแล้ว 74.35 จุด หรือลดลง 8.8%
จากการรวบรวมข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มผู้ลงทุน ครึ่งแรกของปีนี้ (2 ม.ค.-27 มิ.ย. 2551) พบว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 48,824.55 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ รวมทั้งสิ้น 2,918.22 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 45,906.34 ล้านบาท ซึ่งหากนับรวมกับวานนี้ที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,540 ล้านบาท จะทำให้ยอดขายสุทธิของต่างชาติในครึ่งปีแรก เป็น 50,364.55 ล้านบาท
ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) ลดลงราว 5 แสนล้านบาท จากต้นปี (2 ม.ค.) อยู่ที่ระดับประมาณ 6.53 ล้านล้านบาท ล่าสุดวานนี้อยู่ที่ประมาณ 6.06 ล้านล้านบาท
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การที่ดัชนีปรับลงแรง เป็นผลจากความวิตกกังวลในประเด็นเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นแรงกดดันสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นทั่วโลก โดยอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวระดับสูงตามทิศทางราคาน้ำมัน ส่งผลให้ดอกเบี้ยทั่วโลกก้าวไปสู่ทิศทางขาขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนและความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน
โดยเฉพาะในวันนี้ (1 ก.ค.) ตลาดหลักทรัพย์จะปิดทำการ และทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ซึ่งฐานในช่วงเดียวกันของปีก่อนถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่ในปีนี้เงินเฟ้อขยายตัวขึ้นมาก และสะท้อนถึงศักยภาพการใช้จ่ายของภาคประชาชนที่ถดถอยลง ซึ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงขึ้นมากกว่าที่คาด และมีการปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีขึ้น ก็อาจยิ่งส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนภายในประเทศ
นอกจากนี้ รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ในเดือนก.ค.-ส.ค. อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินเฟ้อขึ้นไปถึงสองหลัก ตามราคาน้ำมันถ้ามีการเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและมีแรงขายลดความเสี่ยงออกมาฉุดให้ดัชนีปรับลงต่อ

---------------------------------------------
พาณิชย์เผยเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.พุ่ง 8.9%สูงสุดรอบ10ปี

นางสาวไพเราะ สุดสว่าง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภคหรอืเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.2551 ว่า เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่หากเปรียบเทียบกับเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยช่วง 6 เดือนแรก(ม.ค.-มิ.ย.)เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเดือนนี้มีสาเหตุหลักจากราคาน้ำมัน
ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมสินค้าอาหารและพลังงาน เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.6% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2.2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 6 เดือนเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 2.2%
อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ได้คำนวนราคาน้ำมันดิบทั้งปี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกดดันเงินเฟ้อ โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับราคาเฉลี่ย 142 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเฉลี่ยกับช่วงครึ่งปีแรกทำให้ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลอัตราเงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ประมาณ 7%

---------------------------------------------
มาแล้วครับ เงินเฟ้อที่เราจับตามอง มาแบบไม่เหนือความคาดหมาย แต่เหนือคำบรรยาย.... เฮ้อ